Translate

วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2556

โปรดวิญญาณแหม่ม


สวัสดีค่ะ  ท่านผู้ศรัทธาในพระแม่กวนอิมทุกท่าน

เป็นเวลานานมากทีเดียวนะคะ  ที่เราไม่ได้พบกันที่บล็อกนี้อีก  อย่างไรก็ตามก่อนอื่นฉันต้องขอขอบพระคุณทุกท่านที่ได้ติดตามอ่านบทความของฉันมาโดยตลอด  และรวมทั้งท่านที่เพิ่งเข้ามาเยี่ยม
ด้วยจ๊ะ  หวังว่าคงสบายดีนะคะ  เพราะว่าช่วงอากาศร้อนจัด ๆ  ก็ค่อย ๆ  เบาลงแล้ว ฤดูใบไม้ร่วงก็จะเข้ามาเยือนในไม่ช้า  แล้วอีกหน่อยความหนาวก็จะตามมาติด ๆ  เป็นวัฏฏะวนเวียนกันอยู่เช่นนี้  ปีแล้วปีเล่าผ่านไป ๆ  ชีวิตคนเราก็เช่นกันผ่านไป ๆ  ไม่จีรัง  ในที่สุดก็เหลือแต่ความน่าเกลียดน่าชัง  ก็ความแก่ไปทีละน้อย ๆ  จนหง่อมไงล่ะ บางทีก็ไม่ทันหง่อมด้วยซ้ำ  รีบแซงก่อนแล้ว  มันเป็นสัทธรรมที่ทุกคนหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย

ทุกชีวิตมีความตายเป็นที่สุด  บางท่านอาจจะไม่ชอบพูดถึงความตายหรือไม่อยากได้ยินคำว่า  "ตาย" เพราะเหตุว่าได้ยินแล้วเกิดความหดหู่เศร้าใจ  นึกถึงตนเองว่าสักวันหนึ่งก็จะต้องตายเหมือนกัน  และไหนยังจะนึกถึงคนรอบข้างซึ่งเป็นสุดที่รัก  ไหนจะสัตว์เลี้ยงที่น่ารักและทรัพย์สมบัติอีกมากมายที่หามาได้ด้วยความเหน็ดเหนื่อยลำบากทุกข์ยากแสนเข็ญ  ถ้าต้องจากทุกสิ่งทุกอย่างไปคงเสียดายน่าดู  จึงทำให้ไม่อยากคิดถึงความตาย  แต่ตามหลักธรรมะของพระผู้มีพระภาคเจ้า  ท่านสอนว่าให้ระลึกถึงความตายอยู่เนื่อง ๆ  ก็คือมีสติอยู่ทุกเมื่อ ซึ่งหมายถึงความไม่ประมาท  เพราะว่าชีวิตนี้น้อยนิดมาก  อย่ามัวห่วงทรัพย์สมบัติภายนอกอยู่  ให้รีบสะสมทรัพย์ภายใน  จะได้มีที่พึ่งอันประเสริฐ  เป็นที่พึ่งได้ทั้งโลกนี้และโลกหน้าด้วย

ความตายเป็นสิ่งที่เกิดได้ทุกขณะจิตกับทุกชีวิต  ถ้าพูดแบบวิชาการก็เรียกว่า  จุติจิตเกิดได้ทุกขณะ  เมื่อจุติจิตดับไป  ปฏิสนธิจิตก็เกิดต่อทันทีอย่างไม่มีช่องว่างระหว่างขั้น  พูดง่าย ๆ  ก็คือ  ตายปุ๊บเกิดปั๊บนั่นเอง  ว่าแต่ผลของกรรมใดจะนำไปเกิดเป็นอะไร  ที่ใด  ก็แล้วแต่กำลังกรรมจะส่งผล  ไม่มีใครเลือกได้....เมื่อวานนี้  ได้ข่าวไม่ดีจากเพื่อนของสามีฉันเอง  เขาโทรบอกข่าวว่า  พี่สาวของเธอเสียชีวิตแล้ว ฉันไม่เคยรู้จักพี่สาวของนางเอ (ชื่อสมมุติ) เลย  แต่เคยขอบารมีของพระแม่กวนอิมให้ช่วยโปรดพี่สาวของเธอ  เมื่อ ๔  ปีก่อนนี้  พี่สาวของนางเอได้เริ่มป่วยด้วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่  ถูกตัดลำไส้ทิ้ง  พระแม่โปรดเธอให้มีชีวิตอยู่ต่อจนครบสี่ปีพอดี  นางเอเป็นคนมีฐานะดีมาก  ใจบุญชอบบริจาคเงินช่วยเหลือเพื่อสาธาณะประโยชน์หลายแห่ง  เธอมีมูลนิธิส่วนตัวไว้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์  ผลบุญกุศลนี้จึงทำให้พระแม่ท่านโปรดพี่สาวของเธอ  แต่เธอก็อยู่อย่างเจ็บปวดทุกข์ทรมานมาตลอด  ในที่สุดมะเร็งรุกลามไปสู่อวัยวะส่วนอื่น ๆ  ทำให้เธอต้องเจ็บปวดสุดที่จะทด  ร่างกายอ่อนแอลงไปเรื่อย ๆ  เพราะความแก่ชราด้วย  เธออายุ ๘๐ ปีกว่าแล้ว กำลังต้านทานความเจ็บปวดก็ไม่ค่อยมี  น้ำหนักตัวลดลงมาก จนในที่สุดเดินไม่ได้  กินไม่ได้  ได้แต่ด่าเมื่อเจ็บปวดมาก ๆ  ก็ด่าว่าไปตามอารมณ์  ใครอยู่ใกล้ก็โดนด่าหมด

เมื่อวานนี้เวลาประมาณบ่ายหนึ่งโมงเศษ  ๆ  มีเพื่อนคนไทยมาเยี่ยม  เรานั่งสนทนากันอยู่ในสวน  ทันใดนั้น   มีเสียงดังที่หน้าต่างห้องนอนของฉัน  ขณะนั้นสามีกำลังหลับพักผ่อนอยู่ในห้องนั้น  พวกเราก็ตกใจที่ได้ยินเสียงดังมาก ๆ  ที่หน้าต่าง  คิดว่ามีใครเอาก้อนหินปามาที่หน้าต่าง  มองไปก็เห็นนกพิลาบสีขาวตัวโต  บินไปจากหน้าต่าง  ปรกติแล้วถ้าเป็นนกบินมาชนหน้าต่างเสียงดังมาก ๆ  เช่นนี้ต้องตกลงไปนอนคอหักแน่ ๆ  แต่นี่ไม่เป็นอะไร  แถมยังบินไปได้ตามปรกติ  เราก็ไม่คิดว่าจะเป็นลางบอกเหตุอะไร  หลังจากนั้นต่อมาเวลาประมาณบ่าย ๔  โมง  ซึ่งเป็นเวลาดื่มกาแฟ  ขณะที่เราดื่มแกแฟก็คุยกันถึงเรื่องพี่สาวของนางเอ  สามีฉันได้ถามฉันว่า  ถ้าพี่สาวของนางเอเสียชีวิต  พวกเราจะทำพิธีสวดให้เขาได้มั้ย  ฉันก็ตอบว่าไม่มีปัญหา  จะทำพิธีให้ทันที  สามีบอกว่ายังไง ๆ  พี่สาวของนางเอต้องตายแน่  ๆ  เพราะตอนนี้เธอนอนรอความตายอยู่่ในห้องพิเศษของโรงพยาบาล   ส่วนนางเอก็อยู่ต่างจังหวัด  จะกลับมาด่วนก็ไม่มีแรง  ต้องรอให้คนรับใช้ไปรับกลับบ้าน  เธอต้องหนีไปพักผ่อน  ทั้ง ๆ  ที่รู้ว่ายังไงพี่สาวเธอต้องตายแน่  ปรกติเธอจะอยู่ดูแลพี่สาวอย่างใกล้ชิดมาตลอด  เราคุยกันเรื่องจะสวดมนต์ให้พี่สาวนางเอ  พอพูดจบก็มีเสียงโทรจากมือถือของสามีดังขึ้น  นางเอบอกว่า  พี่สาวของเธอได้จากไปแล้ว  เธอร้องไห้จนไม่สามารถพูดอะไรได้ต่อไป  สิ่งที่พวกเรากระทำได้ในตอนนั้น  ก็คือรีบเข้าห้องพระแม่กวนอิม  จุดธูปเทียนขอพรท่าน  ขอให้ท่านโปรดวิญญาณพี่สาวของนางเอด้วย  ถ้าเธอยังเจ็บปวดอยู่ก็ขอให้โปรดรักษาอาการเจ็บปวดให้หายด้วยเถิด

พระแม่มาโปรดด้วยวิธีการสื่อทางพลังจิตของฉัน  ท่านสวดมนต์เสียงดังโหยหวนมากเลย  ทุกคนอยู่ในความสงบ  จิตของฉันเองยังรู้สึกเศร้าใจนิด  ๆ  ตอนที่ได้ยินเสียงสวด  เสียงสวดนั้นมีความหมายเหมือนกับว่า  ท่านเรียกวิญญาณให้มาหา  สวดนานหลายบท  ล้วนแต่เป็นบทที่แปลก  ๆ  ไม่เคยได้ยินมาก่อน ทันใดนั้นก็มีจิตอีกจิตหนึ่งมาผ่านแทรกเสียงสวด  ท่าทางร้อนรนและมีโทสะด้วย  มีเสียงด่าเป็นภาษาเยอรมันว่า " man man tut so weh"  เป็นเสียงที่พูดแบบเหมือนกับว่าด่าความเจ็บปวด  เธอคงยังไม่รู้ตัวว่าตนเองได้หมดสภาพจากความเป็นคนแล้ว  เมื่อตอนที่เธอยังมีชีวิตอยู่  เวลาปวดเธอก็จะด่าเช่นนี้เสมอ (สามีเล่าให้ฟัง)  เราก็ตกใจตาม ๆ  กัน  ที่วิญญาณพี่สาวนางเอมาในขณะที่พระแม่กำลังทำพิธีอยู่  พระแม่ได้โปรดวิญญาณ  รักษาอาการเจ็บปวดให้หาย  แล้วบอกให้สามีฉันบริจาคปัจจัยให้เธอไว้ติดตัวบ้างเล็กน้อย  จากนั้นท่านก็ให้ไปกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้แก่วิญญาณด้วย  ท่านแม่บอกว่าเขาหายเจ็บปวดแล้ว  ตอนนี้เขารู้แล้วว่า  ตนเองอยู่คนละโลกแล้ว  เราก็ดีใจด้วยที่เขาไม่ต้องทุกข์ทรมานอีกต่อไป  ก็ขอให้ไปสู่สุคติเถิด

การโปรดวิญญาณเป็นหน้าที่ของพระแม่กวนอิมพระโพธิสัตว์  ท่านจะเมตตาเสมอเมื่อมีใครขอให้ท่านโปรด  ส่วนจะไปเสวยวิบากของตนอย่างไรนั้น  เป็นเรื่องของกรรมของแต่ละคนที่ได้กระทำไว้แล้ว ไม่ใช่หน้าที่ของท่าน......เรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อสำหรับท่านที่ยังไม่ได้สัมผัสเองโดยตรง  ก็แล้วแต่ท่านผู้อ่านพิจารณาด้วยปัญญานะคะ  เพราะเหตุว่าเรื่องเกี่ยวกับพลังจิตเป็นเรื่องละเอียด  ต้องฝึกให้จิตมีพลังจนสามารถสื่อกับวิญญาณได้เมื่อไรนั่นแหละ  จึงจะทราบได้ว่าสิ่งเร้นลับหรือโลกลี้ลับมีจริงหรือไม่......

สำหรับเรื่องพระแม่โปรดวิญญาณก็ยุติเพียงแค่นี้   แล้วพบกันอีกนะคะ...............นะโม  กวนซีอิม  ผ่อสัก


......................................

วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

พระคาถามหากรุณาธารณีสูตร (ตอนที่ ๒๗)



ปางที่ ๘๒
มันตอลา

ปางที่ ๘๒

ภาคนิรมาณกาย.....พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์  บรรยายเรื่องลิ้นที่ไม่ลิ้มรส  แสดงอาการชูหัตถ์ทั้ง ๘  เพื่อเป็นอุบายให้ละลิ้นในการลิ้มรส

คำแปล....."มันตอลา"  แปลว่า  ธรรมมณฑลที่หมายถึงผู้ปฏิบัติต้องปล่อย ละประสาทสัมผัสแห่งลิ้น  เพื่อเข้าสู่ความบริสุทธิ์เป็นธรรมชาติดั้งเดิมของสภาวะ  รู้ถึงการปลอมแปลงหลอกลวงของรสสัมผัส  แล้วเข้าถึงสภาวะของตนว่ามีความเป็นสูญ

.....................................................................................................................................

ปางที่ ๘๓
ปัดถ่อเย


ปางที่ ๘๓
ภาคนิรมาณกาย.....พระโพธิสัตว์ปางถือบาตร  บรรยายถึงการโลภในการสัมผัส สอนให้สรรพสัตว์ละการสัมผัส

คำแปล....."ปัดถ่อเย"   แปลว่า  ความต้องใจ และอีกนัยหนึ่งหมายถึงขันธ์ ๕ เป็นมูลเหตุแห่งทุกข์ทั้งปวง

อรรถว่า.....เป็นความกรุณาของพระโพธิสัตว์ที่ชี้ให้เห็นโทษของความเห็นผิด (ความหลง)  ร่างกายนี้เป็นเพียงภาพลวงตาอันเกิดจากธาตุ ๔ ขันธ์ ๕  มาประกอบกัน  จึงไม่ควรยึดถือ  ถ้าละความยึดถือในธาตุและขันธ์ได้เมื่อใด  จิตก็พ้นจากความทุกข์ สามารถเข้าถึงธรรมได้ตามความเป็นจริง

.......................................................................................................................................

ปางที่ ๘๔
ซอผ่อฮอ

ปางที่ ๘๔

ภาคนิรมาณกาย.....พระโพธิสัตว์ถือธวัชยาว (บรรยายแยกแยะธรรมลักษณะต่าง ๆ  ให้รู้ว่าจิตสัมผัส (สัมผัสทางใจ)  และธรรมภายนอกเป็นสิ่งแปลกปลอมหลอกลวง)

คำแปล....."ซอผ่อฮอ" แปลว่า   จบโดยบริบูรณ์

อรรถว่า.....เป็นพระคาถาที่สอนให้เรารู้ว่า   ต้องกำหนดจิตอยู่กับธรรมตลอดเวลา  ผู้ปฏิบัติต้องทำตา หู จมูก ลิ้น กายและใจ ให้สะอาดตลอดเวลา ถึงจะสามารถข้ามห้วงแห่งโอฆะนี้ได้โดยปลอดภัย

พระพุทธองค์ตรัสว่า  จงเว้นจากการทำบาป  เร่งบำเพ็ญสรรพกุศล  ชำระจิตของตนให้สะอาดหมดจด  นี้พระธรรมของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย

             ธรรมทั้งหลายสำเร็จได้ด้วยอาศัยใจเป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์ !

             

            แหล่งที่มาของบทความ :  หนังสือ 108  เทพแห่งสรวงสวรรค์  ฉบับ กวนอิมโพธิสัตต์


.......................................................................................................................................